เมื่อวันที่ 5 มกราคม นายถวัลย์ ชูขจร ผู้อำนวยการสิ่งแวดล้อมประมง กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติที่กิดจากแพงค์ตอนพืชเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วจนเป็นเหตุให้น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีแดง เวลานี้เกิดที่ชายฝั่งทะเล จ.สมุทรปรากร เป็นระยะทางยาวไม่ต่ำกว่า 5 กิโลเมตร จุดที่เกิดเหตุได้แก่ อ.พระสมุทร์เจดีย์ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ และปากอ่าวแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะนี้ได้รายงานปรากฏการณ์ด้งกล่าวให้อธิบดีกรมประมงทราบแล้ว และได้ส่งเจ้าหน้าที่กรมประมงไปเฝ้าระวังและเก็บตัวอย่างมาวิเคราะห์ต่อไป
นายถวัลย์กล่าวว่า สาเหตุปรากฏการณ์นี้เกิดจากการเจริญเติบโตของแพลงค์ตอนเซอราเทียม (Ceratium spp.) และน็อกติลูก้า (Noctiluca spp.) ที่ได้รับสารอาหาร เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และน้ำเสียอื่นๆ จากโรงงานอุตสาหกรรม ประกอบกับขณะนี้มีลมตะวันออกเฉียงเใต้พัดแพลงก์ตอนมารวมกนในบริเวณดังกล่าว ทำให้แพลงก์ตอนมีมากขึ้นและเติบโตอย่างรวดเร็ว คาดว่าจะปรากฏอยู่เช่นนี้เป็นเวลาประมาณ 1 เดือน
นายปรีชา พาชื่นใจ นักวิชาการประมง กล่าวว่าได้รับแจ้งจากชาวบ้าน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ว่าน้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีแดงผิดปกติกว่าทุกปี เนื่องจากทุกๆปีเวลาน้ำทะเลเปลี่ยนมักเป็นสีน้ำตาลแดง แต่ครั้งนี้เป็นสีแดงน่ากลัว จึงายงานผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วเดินทางไปเก็บตัวอย่าง พบว่ามีแพลงก์ตอนเซอราเทียมในน้ำทะเล 1 ลิตร พบแพลงก์ตอนเซอราเทียมในทะเล ดังกล่าว 90,375 ตัว ซึ่งในบริเวณดังกล่าวไม่ควรจะเกิน 1,000 ตัวต่อน้ำ 1 ลิตร นอกจากนี้ปลาตัวเล็กเริ่มตายแล้ว ถ้าแพลงก์ตอนนี้ทวีจำนวนมากขึ้นก็จะมีผลกระทบทำให้ปลาที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ตามชายฝั่งตายได้ และประชาชนที่ลงไปเล่นน้ำก็จะเป้นผื่นคันตามตัว สาเหตุที่ทำให้แพลงก์ตอนเจริญเติบโตเร็วนั้นมาจากน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม และปุ๋ยเคมีที่เกษตรกรใช้บำรุงพืชในสวน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น