วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กิจการการทำ “แนวกันไฟป่า”โดยกลุ่มนักศึกษาการบัญชีการเงิน ม.ราชภัฏกาญจนบุรี

กิจกรรมพัฒนาชุมชน
ทำแนวกันไฟป่า
ณ หมู่ 3 บ้านยางโทน ตำบลยางโทน
อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
ร่วมกับ กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนบ้านยางโทน
เขียนโดย นางสาวอุษา  รูปงาม และนางสาวศศิวิมล สุวรรณโชติ

ภาพการทำแนวกันไฟป่า จ.กาญจนบุรี

กิจกรรมพัฒนาชุมชน
ทำแนวกันไฟป่า
ณ หมู่ 3 บ้านยางโทน ตำบลยางโทน
อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
ร่วมกับ กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนบ้านยางโทน

วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

DSIจัดกำลัง2ชุดลุยตรวจโรงงานน้ำมันปาล์ม

วันที่ 2011-02-21 12:15:01 โดย เดลินิวส์ – เศรษฐกิจ

กรมสอบสวนคดีพิเศษ เตรียมกำลัง 2 ชุด กระทรวงพาณิชย์ ในการตรวจสอบโรงงานน้ำมันปาล์ม 2 แห่ง

วันนี้ 21 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมกำลัง 2 ชุด จำนวนกว่า 30 นาย ร่วมกับกำลังเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพาณิชย์ ในการตรวจสอบโรงงานน้ำมันปาล์ม 2 แห่ง โดยชุดแรกนำโดย พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีดีเอสไอ หัวหน้าพนักงานสอบสวนชุดตรวจสอบการกักตุนน้ำมัน จะนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบโรงงานในพื้นที่ จ.ชลบุรี ส่วนชุดที่ 2 นำโดย พ.ต.ท.สุริยา สิงหกมล ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม จะนำกำลังเข้าตรวจสอบโรงงานในพื้นที่ จ.ปทุมธานี
ทั้งนี้ ต้องรอกรมการค้าภายในกำหนดเวลาที่ชัดเจนอีกครั้ง เนื่องจากต้องใช้อำนาจของกรมการค้าภายใน เพราะคดีดังกล่าวยังไม่ได้เป็นคดีพิเศษ อย่างไรก็ตาม หากการตรวจค้นพบว่ามีการกระทำความผิด ก็จะนำคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษต่อไป

ที่มา : http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=310&contentId=122499

หมอกควันไฟปกเริ่มปกคลุมขึ้นหลายพื้นที่ของลำปาง

21 กพ. 2554 17:17 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้สถานการณ์หมอกควันไฟ เริ่มปกคลุมในหลายพื้นที่ของ จ.ลำปาง โดยเฉพาะที่บริเวณถนนสายลำปาง- เด่นชัย ต.พระบาท ทางขึ้นเนิน เขาดอยพระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง พบว่าการเผาป่าเป็นบริเวณแนวกว้างและลุกลามต่ออย่างเนื่อง พบว่ามีกลุ่มควันไฟเป็นจำนวนมาก และทำให้ทัศนวิสัย ในการมองเห็นนั้นต่ำ ส่วนถนนสายเลี่ยงเมืองลำปางไปทางบริเวณศูนย์ราชการ เริ่มจะถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันไฟ ถึงแม้ที่ผ่านมา จังหวัดลำปางจัดกิจกรรม รณณรงค์ เกี่ยวกับการ งดเผาป่าไปเพื่อลดปัญหาหมอกควันแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีประชาชนบางส่วนยังคงจุดไฟเผาป่า ต่อเนื่อง
นายสุธี ลัดดาชยาภรณ์ นักวิชาการชำนาญการ สิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง กล่าวว่า ปัญหาหมอกควันลำปาง เริ่มเกิดขึ้นแล้วในพื้นที่ ส่วนค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กต่ำกว่า 10 ไมครอน แต่วัน นี้ยังไม่เกินเกณฑ์มาตรฐาน แต่สิ่งที่สำคัญ ทุกคนต้องหยุดการเผาป่าและงดเผาทุกชนิด เพื่อลดปัญหาหมอกควัน ที่มีแนวโน้มรุนแรงมากเพิ่มขึ้น

ที่มา : http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=495984

วันที่ 2011-02-21 22:42:37 โดย เนชั่น - Breaking News

วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ไออาร์พีซีรับฟังไอเดียแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม

16 กุมภาพันธ์ 2554

ที่มา เดลินิวส์

โดย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมโรงแรมสตาร์ อำเภอเมืองระยอง นายปิยะ ปิตุเตชะ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและด้านสุขภาพโดยสาธารณะ โครงการเขตประกอบการอุตสาหกรรมไออาร์พีซีส่วนขยาย โดยมีผู้นำท้องถิ่น ผู้แทนส่วนราชการ และประชาชนทั่วไป เข้ารับฟังจำนวน 500 คน
นายปิยะ กล่าวว่า ปัจจุบันการลงทุนพัฒนาอุตสาหกรรมให้ยั่งยืน ทางบริษัท ไอ อาร์ พีซี จำกัด (มหาชน) ได้คำนึงถึงหลักแห่งการดูแลด้วยความรับผิดชอบให้ผนวกเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะเป็นการพัฒนาไปพร้อมกัน ทั้งภาคผู้ประกอบการ ภาครัฐและภาคประชาชน สำหรับการจัดรับฟังความคิดเห็นปัญหาสิ่งแวดล้อมในครั้งนี้เพื่อเป็นการให้ประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียร่วมพูดคุยสอบถาม และเสนอความคิดเห็นตลอดจนข้อห่วงกังวลที่มีต่อโครงการการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของโครงการดังกล่าว เป็นการศึกษาโดยเพิ่มมุมมองต่อสุขภาพของคนในชุมชนให้มากขึ้น จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างมากโดยเฉพาะการสร้างกระบวนการเรียนรู้ในหมู่ประชาชนจะได้เพิ่มภูมิคุ้มกัน และการสะท้อนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันซึ่งจะมีผลต่อการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริงเพื่อให้ข้อมูลและข้อคิดเห็นต่อการดำเนินการและการปฏิบัติงานของโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย เพื่อการอยู่ร่วมกันในชุมชนและอุตสาหกรรมเป็นไปในทิศทางที่ต้องการของทุกภาคส่วน
ด้านนายณัฐพงศ์ พรประยุทธ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารจัดการทรัพย์สิน บริษัทไอ อาร์ พีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการเขตประกอบการอุตสาหกรรมไออาร์พีซีส่วนขยายเป็นโครงการที่มีแนวคิดในการนำพื้นที่ว่างที่ยังไม่พัฒนาในเขตรั้วของไออาร์พีซีมาพัฒนามุ่งเน้นให้เป็นเขตประกอบการอุตสาหกรรมที่มีความพร้อมสมบูรณ์มากที่สุด ทั้งในส่วนของระบบสาธารณูปโภคส่วนกลาง เพื่อรองรับโรงงานที่เข้ามาตั้งในอนาคต รวมทั้งการจัดเตรียมพื้นที่สำหรับสร้างมหาวิทยาลัย เพื่อยกระดับการศึกษาของชุมชนในพื้นที่ในการผลิตบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ จึงจัดให้มีกระบวนการการมีส่วนร่วมของชุมชนและรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียต่อการกำหนดขอบเขตการศึกษาการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและด้านสุขภาพ โดยถือเอาประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง.

สามอ่าวทางโล่งโรงกำจัดขยะ

16 กุมภาพันธ์ 2554

ที่มา ไทยโพสต์

โดย 

ประจวบคีรีขันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานถึงโครงการกำจัดขยะครบวงจรของเทศบาลเมืองประจวบคีรี ขันธ์ในพื้นที่หมู่ 7 บ้านหนองไม้แก่น ต.เกาะหลัก หลังจากที่ถูกบุคคลบางกลุ่มคัดค้านว่า นายภัทรชัย วงศ์ทองดี ปลัดเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับนายศรัณย์ กลั่นประเสริฐ เลขาฯ นายก อบต.เกาะหลัก ได้นำหลักฐานพร้อมภาพถ่ายเข้าชี้แจงต่อนายอัญญะรัฐ เอ่งฉ้วน คณะ กก.สิทธิมนุษยชนฯ ซึ่งยอมรับว่าเท่าที่ดูเอกสารของเทศบาลและ อบต.แล้วก็ถือว่าสมบูรณ์ ไม่น่าจะมีปัญหา อาจไม่ต้องลงไปดูพื้นที่จริง
สำหรับปัญหาโครงการดังกล่าวสืบเนื่องมาจากขยะกำลังจะล้นเมืองประจวบคีรีขันธ์ ที่ผ่านมาทางเทศบาลเมืองมีงบ 144 ล้านบาท และมีการสมทบอีก 16 ล้านบาท รวมเป็น 160 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2548 ในการสร้างระบบกำจัดขยะแบบฝังกลบที่บ้านเกตุเอน หมู่ 6 ต.อ่าวน้อย แต่ถูกชาวบ้านคัดค้านจนหยุดชะงักหลายปี งบที่มีอยู่ก็ถูกตัดเหลือ 115 ล้านบาท และหากไม่ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มี.ค.54 งบทั้งหมดจะต้องส่งคืน
นายสุทธิชัย เกตุรักษา นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ จึงนำขึ้นมาพิจารณา เมื่อต้นปี 2550 เพื่อก่อสร้างที่หมู่ 7 บ้านหนอง ไม้แก่น โดยประสานกับทาง อบต.เกาะหลักและสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาด กระบัง จัดการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน 11 หมู่บ้าน และขอความเห็นชอบจากสมาชิกสภาเทศบาลตลอดจนสมาชิก อบต.เกาะหลัก ซึ่งส่วนใหญ่ก็ให้ความเห็นชอบ หลังจากก่อนหน้านี้ นายศรัณย์พร้อมด้วยนายสมจิตร สันทาอุนัย ผญบ.หมู่ 7 นายเผียน ศรีไพร อดีตประธานสภา อบต.เกาะหลัก นายจรัญ ครุฑเผือก ประธานประชาคมหมู่ 7 น.ส.ขวัญกมล ศรีไพร ต้องแจ้งตำรวจกรณีที่ถูกปลอมลายมือชื่อคัดค้านโครงการดังกล่าวไปแล้ว.

ความกดอากาศสูงทำฝนกระหน่ำกทม.

16 กุมภาพันธ์ 2554

ที่มา มติชน

โดย 

เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่า ระหว่างวันที่ 15-21 กุมภาพันธ์ ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นยังคงปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นในระยะนี้ ส่วนลมตะวันออกพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร และในช่วงวันที่ 16-21 กุมภาพันธ์ บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลงทำให้ทุกภาคมีอากาศอุ่นขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดเข้าปกคลุมภาคกลางและภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย
นายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ (สนน.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีฝนตกในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 80 มิลลิเมตร จากการตรวจสอบการระบายน้ำในพื้นที่ต่างๆ พบว่าไม่มีปัญหาแต่อย่างใด มีเพียงบางที่พื้นที่ เช่น ถนนสุขุมวิท 62 ซอยทองหล่อ และซอยรามอินทรา 39 ที่พบปัญหาน้ำท่วมขัง แต่ไม่มากนัก

วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เชียงใหม่เปิดศูนย์ประหยัดพลังงานลดต้นทุนเอกชน

วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 11:38 น.

โดย คมชัดลึกออนไลน์:

          หอการค้าเชียงใหม่ร่วมกรมพัฒนาพลังงานทดแทน ตั้งศูนย์ประหยัดพลังงานประจำจังหวัด หวังเป็นศูนย์กลางเผยแพร่ข้อมูลให้คำแนะนำผู้ประกอบการในพื้นที่

          นายวิทยา ครองทรัพย์ กรรมการเลขาธิการ หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน และหอการค้าไทย จัดตั้งศูนย์ประหยัดพลังงานประจำจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อดำเนินนโยบายส่งเสริมการประหยัดพลังงาน รวมทั้งประสานงานไปยังศูนย์ประหยัดพลังงานหอการค้าไทย เพื่อส่งเสริมการประหยัดพลังงานในระดับประเทศ และดำเนินบทบาทในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้แก่สมาชิก จัดกิจกรรมด้านการประหยัดพลังงาน ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานราชการ และหน่วยงานต่างๆ

          ทั้งนี้ การจัดตั้งศูนย์ปรึกษาประหยัดพลังงาน นอกจากช่วยเหลือผู้ประกอบการในจังหวัด เรื่องการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพในสภาวะที่น้ำมันราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยังเป็นการช่วยลดการนำเข้าน้ำมันของประเทศ และช่วยเรื่องลดภาวะโลกร้อน ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการประหยัดต้นทุนด้านพลังงานภายในประเทศ โดยเฉพาะภาคธุรกิจ-อุตสาหกรรม โรงงานและสถานประกอบการ  ด้วยการใช้มาตรการจูงใจกระตุ้นให้ผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงานอาทิ ออกนโยบายลดภาษีให้แก่หน่วยงานหรือสถานประกอบการที่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงานถึง 2.5%

          "หอการค้าฯ และองค์กรพันธมิตรที่ร่วมมือกันจัดตั้งศูนย์ประหยัดพลังงานขึ้น เพราะเล็งเห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการกระตุ้นภาคธุรกิจในการแสวงหาแนวทาง และวิธีการอนุรักษ์และประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะกลุ่มสถานประกอบการขนาดกลาง และขนาดเล็ก ที่ยังขาดความรู้ และประสบการณ์ ในการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน ซึ่งผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นสมาชิกหอการค้าฯหรือภายนอก สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาเรื่องแนวทางการประหยัดพลังงานภายในองค์กรได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่สำนักงานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่" นายวิทยา  กล่าว

วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

IFEC เพิ่มทุน ดำเนินโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ที่กาญจนบุรี

วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 10:36 น.

โดย หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจออนไลน์:

             IFEC เพิ่มทุนใน บริษัทฯ ย่อย จาก 50 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท ดำเนินโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่จังหวัดกาญจนา

             นายสุเทพ  ด่านศิริวิโรจน์ กรรมการ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าเมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2554 ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริษัทอินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการจำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2554 ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติเพิ่มเงินลงทุนในบริษัท ไอเฟค กรีน เพาเวอร์ พลัส จำกัด ซึ่งบริษัทดังกล่าวจะเป็นผู้ริเริ่มและพัฒนาโครงการที่เกี่ยวกับพลังงานทดแทนและระบบขนส่ง นอกจากนี้ บริษัทฯ มีนโยบายที่จะหาผู้ร่วมลงทุนที่เป็นผู้ลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศหรือลูกค้า High net worth หรือกองทุนพลังงานทดแทน เข้าร่วมลงทุนในส่วนของทุนจดทะเบียนและทุนเรียกชำระ ก่อนเพิ่มทุน    50  ล้านบาท หลังเพิ่มทุนเป็น 100 ล้านบาท โครงสร้างผู้ถือหุ้น  มีบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ จำกัด (มหาชน)  ถือหุ้นร้อยละ  100 ซึ่งแหล่งเงินทุนที่ใช้มาจากเงินหมุนเวียนของบริษัทฯ

          ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับหลังการเข้าเพิ่มทุน เพื่อใช้เป็นทุนเบื้องต้นดำเนินการของโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ขนาด 10 เมกกะวัตต์ ที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี  ซึ่งโครงการนี้จะต้องใช้เงินลงทุนทั้งหมด 975 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนเป็นเงินทุน 30% ที่เหลือเป็นเงินกู้จากสถาบันการเงิน   โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตไฟฟ้าขายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในช่วงระหว่างปลายเดือนกันยายนถึงตุลาคม 2554 โดยในปีแรกจะมีรายได้ จากขายไฟฟ้าประมาณ 174 ล้านบาท และคิดเป็นายได้จากการขายไฟฟ้า รวม 2,801 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 25 ปี สำหรับผลตอบแทนในการลงทุน(EIRR)ตลอดระยะเวลา 20 ปีจะอยู่ประมาณ 15.01%

14:26 น. พบหลุมประหลาดขุดมาเจอน้ำพริกเผา-ข้าวสาร

วันที่ 2011-02-13 22:40:45 โดย เนชั่น - Breaking News

13 กพ. 2554 14:26 น.

ปทุมธานีพบหลุมต้องสงสัย คาดว่าอาจจะมีศพถูกนำมาฝัง นำรถมาขุดที่แม้พบเพียงน้ำพริกเผากับข้าวสาร
พ.ต.ท.บัญชา คงมั่น สรวัตรเวรสอบสวน สภ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบเห็นรถแบ็คโคร เข้ามาขุดฝังกลบสิ่งของต้องสงสัย ภายในป่าหญ้าริมถนนภายในซอยอรเทพ ถนนตลิ่งชัน - สุพรรณบุรี ม.4 ต.หน้าไม้ อ.ลาดหลุมแก้ว เกรงว่าจะเป็นสิ่งผิดกฎหมายหรือศพของผู้เสียชีวิต ขอให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบด้วย หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัยชาทราบตามลำดับชั้นพร้อมทั้งรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุซึ่งเป้นซอยเปลี่ยว เจ้าหน้าที่พบว่าภายในป๋าหญ้าพบร่องรอยการกลบฝังใหม่ๆ จึงประสานงานไปยังนายปี แก้วกาญจน์ นายก อบต.หน้าไม้ นำรถแบ็คโครขนาดใหญ่มาทำการขุดค้น ท่ามกลางสายตาประชาชนจำนวนมากที่ทราบเหตุ ต่างพากันเดินทางมามุงดูและจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์
เจ้าหน้าที่ใช้เวลาขุดค้นประมาณ 15 นาที โดยขุดลึกลงไปประมาณ 1.50 เมตรก็พบว่าภายในหลุมดังกล่าวมีเพียงกระปุกน้ำพริกแม่ประนอมและถุงข้าวสารจำนวนหนึ่ง ท่านกลางความโล่งใจของประชาชนที่มามุงดู
นายปี แก้วกาญจน์ นายก อบต.หน้าไม้ กล่าวว่า ตนเองนั้นทราบจากสมาชิก อบต.ท่านหนึ่งว่า มีเด็กๆมาเล่าให้ฟังว่าพบเห็นรถแบ็คโครขนาดเล็ก คลุมผ้าอย่างมิดชิด ขึ้นรถบรรทุก ออกไปจากที่เกิดเหตุในเวลาเช้าตรูของวันนี้ และเมื่อสมาชิกคนดังกล่าวเดินทางไปตรวจสอบก้พบว่ามีร่อิงรอยการฝั่งกลบ จึงคิดว่าอาจจะมีสิ่งของผิดกฏหมายหรือศพผู้เสียชีวิตถูกลักลอบนำมาฝั่งไว้ จึงแจ้งมาที่ตนเองตนเองก้จึงประสานตำรวจเข้าตรวจสอบ แต่ก้พบว่าเป้นเพียงน้ำพริกเผาและถุงข้าวสาร ซึ่งก็โล่งใจที่ไม่ใช่ศพหรือสิ่งผิดกฎหมายใดๆ

ที่มา : http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=494724

วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

โลมาติดอวนปลากระเบนตายตัวแรกในปี 54

9 ก.พ.54 โลมาติดอวนปลากระเบนตายตัวแรกในปี 54

ที่มา http://www.manager.co.th

ตรัง - โลมาอิรวดี หนัก 60-70 กิโลกรัม ยาว 2 เมตร ลอยตายอยู่หน้าเกาะหลาวเหลียง ตำบลตะเสะ อำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง คาดติดอวนปลากระเบนจนเกิดอาการสำลักน้ำตาย
วานนี้ (8 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.30 น.นางปุสสะมาส ร่างฮก หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมการอนุรักษ์ ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 จังหวัดตรัง ได้รับแจ้งจากกลุ่มอนุรักษ์โลมาบ้านตะเสะ ตำบลตะเสะ อำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง ว่า พบซากโลมาตายอยู่ในท้องทะเลอันดามัน บริเวณหน้าเกาะหลาวเหลียง หมู่ที่ 3 บ้านทุ่งเปลว ตำบลตะเสะ อำเภอหาดสำราญ จึงพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ และชาวประมงพื้นบ้านจำนวนหนึ่ง นำเรือหางยาวเดินทางลงไปตรวจสอบ และลากซากโลมาตัวดังกล่าวมาขึ้นฝั่ง
ทั้งนี้ พบว่า เป็นโลมาชนิดอิรวดี หนักประมาณ 60-70 กิโลกรัม และยาวประมาณ 2 เมตร แต่ยังไม่ทราบเพศ เนื่องจากบริเวณใต้ท้องของโลมา ใกล้กับอวัยวะเพศ มีบาดแผลอย่างรุนแรง จนทำให้ลำไส้ไหลทะลักออกมา เจ้าหน้าที่จึงรีบนำซากโลมาตัวดังกล่าว ใส่ในกล่องบรรจุน้ำแข็งเพื่อรักษาสภาพ แล้วรีบนำส่งไปยังสถาบันวิจัยทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน จังหวัดภูเก็ต เพื่อตรวจดีเอ็นเอหาเพศ และตรวจพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่ชัดเจนต่อไป
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นคาดว่า โลมาตัวนี้น่าจะตายลง เพราะไปติดอวนปลากระเบน ซึ่งมีชาวประมงพื้นบ้านนำไปวางไว้ในแนวชายฝั่งจำนวนมาก ทำให้โลมาไม่สามารถขึ้นมาหายใจเหนือผิวน้ำตามปกติทุกๆ 5-7 นาทีได้ ทำให้เกิดอาการสำลักน้ำและตายลงไปในที่สุด ถือเป็นโลมาตัวแรกที่ตายลงในทะเลตรัง ปี 2554

ทั้งนี้ บริเวณบ้านตะเสะนั้น ถือเป็นเขตอนุรักษ์โลมาที่สำคัญแห่งหนึ่ง เนื่องจากมีความสมบูรณ์ของธรรมชาติอย่างมาก ปัจจุบันมีชนิดปากขวด อยู่มากที่สุด ประมาณ 200 ตัว ส่วนชนิดอิรวดี มีอยู่ประมาณ 25 ตัว

สหกรณ์พัฒนาธุรกิจแปลงขยะ

นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยหลังเป็นประธานพิธีเปิดโรงงานผลิตน้ำมันจากยางรถยนต์เก่าและขยะพลาสติก ของสหกรณ์การเกษตรวานรนิวาส จำกัด อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ว่า ปัจจุบันกระแสของนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกลายมาเป็นแรงผลักดันให้สังคมต้องเอาใจใส่กับปัญหาขยะมากขึ้น โดยในแต่ละปีคนไทยก่อขยะสูงถึง 14.2 ล้านตัน ซึ่งหากมีการนำมาย่อยสลาย ก็จะสามารถผลิตเป็นน้ำมัน ก๊าซเชื้อเพลิง หรือพลังงานต่างๆ ได้จำนวนมาก

ทั้งนี้การสร้างโรงงานผลิตน้ำมันจากยางรถยนต์เก่าและขยะพลาสติก นอกจากเพื่อกำจัดปัญหาขยะล้นมืองรวมทั้งปริมาณขยะประเภทไม่ย่อยสลายของชุมชน ที่มีจำนวนมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และลดปัญหาการเกิดภาวะเรือนกระจกและปัญหาโลกร้อนแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้ชุมชนในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งเป็นการเพิ่มขนาดธุรกิจของชุมชน และที่สำคัญเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ หากผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ และคุ้มค่าต่อการลงทุน ก็จะนำไปขยายผลส่งเสริมให้สหกรณ์แห่งอื่นดำเนินการต่อไป

สหกรณ์การเกษตรวานรนิวาส จำกัด มีสมาชิก 5,710 ครอบครัว สังกัดกลุ่มต่างๆ ในทุกตำบลของอำเภอวานรนิวาส 99 กลุ่ม มีทุนดำเนินงาน 225 ล้านบาท มีทุนสำรอง 18.42 ล้านบาท โดยได้ร่วมกับบริษัท มาชู คอนซัลแตนท์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินการส้างโรงงานโรงงานผลิตน้ำมันจากยางรถยนต์เก่าและขยะพลาสติกแห่งนี้ ใช้งบประมาณ 50 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นในการใช้สิ่งของเหลือใช้ เช่น ขยะมูลฝอยของชุมชน ให้ได้ประโยชน์สูงสุด พร้อมยังสามารถกำจัดขยะที่ไม่ต้องการโดยไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม และก่อให้เกิดประโยชน์มากมายต่อชุมชนและประเทศ

อ้างอิง

หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พุธที่ 9 กุมภาพันธ์ 2554 06:01:41 น.

วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

8 ก.พ. 54 กรมวิทย์ คิดชุดตรวจพิษปลาปักเป้า ไข่แมงดาถ้วย-ครั้งแรกในโลก

ที่มา http://www.khaosod.co.th/
                กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวความสำเร็จ ในการพัฒนา "ชุดทดสอบสารพิษจากปลา ปักเป้า" เป็นครั้งแรกของโลก ว่า แม้ปัจจุบันผู้ได้รับสารพิษจากการรับประทานปลาปักเป้า และไข่แมงดาถ้วยจะไม่มาก เมื่อเทียบกับสถิติปี 2544 ที่เคยเก็บไว้ โดยพบผู้ได้รับสารพิษทั้งสิ้น 60ราย เสียชีวิต 20 ราย แต่ขณะนี้ก็ยังถือมีความเสี่ยงอยู่ เนื่องจากสัตว์จำพวกนี้จะมีสารพิษที่เรียกว่า "เทโทรโดท็อกซิน" ซึ่งส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อน แรง อาการชาที่ริมฝีปาก มือและเท้าไม่มีแรง หายใจไม่ออก กล้ามเนื้อเกี่ยวกับการหายใจเป็นอัมพาต หากรับประทานมากจะทำให้เสียชีวิตได้ ล่าสุดกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้พัฒนาชุดทดสอบสารพิษเทโทรโดท็อกซิน (TTX-IC) ในปลาปักเป้าและไข่แมงดาถ้วย โดยใช้ส่วนผสมจากน้ำส้มสายชู เป็นสารหลักในการทดสอบ

alt

               นางพรรณสิริ กล่าวอีกว่า สำหรับชุดทดสอบดังกล่าวมีลักษณะเป็นชุดทดสอบภาคสนาม (Test kit) ทำงานคล้ายตรวจสอบการตั้งครรภ์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของโลก โดยการตรวจสอบนั้นหากพบแถบ สีแดงบนแผ่นทดสอบ 1 แถบ แสดงว่าเป็นพิษ แต่หากพบแถบสีแดงบนแผ่นทด สอบ 2 แถบถือว่าไม่เป็นพิษ ที่สำคัญชุดทดสอบชนิดนี้ยังใช้เวลาในการตรวจสอบน้อยมากเพียงตัวอย่างละ 15 นาที และยังมีราคาถูกเพียงชุดละ 120 บาท ซึ่งใน 1 กล่องจะมี 10 ชุด ราว 1,200บาท ขณะที่เดิมต้องตรวจสอบในห้องปฏิบัติการเท่านั้น ซึ่งใช้เวลานานราวครึ่งวัน และมีราคาแพงตกประมาณ 1-2 พันบาทต่อการตรวจ 1 ครั้ง
               จากผลการพัฒนาชุดทดสอบดังกล่าว ขณะนี้มีวางจำหน่าย แล้วที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และจะมีการขยายผลโดยอาจร่วมมือกับหน่วยงานที่ตรวจสอบอาหารเป็นพิษ เพื่อนำไปใช้ตรวจสอบต่อไป
               น.พ.สถาพร วงษ์เจริญ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ชุดทดสอบนี้เป็นการคิดค้นโดย นางอารี ทัตติยพงศ์ จากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข โดยวิจัยตั้งแต่ปี 2549 ถือเป็นนวัตกรรมที่สำคัญระดับโล

วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

อุทยานฯหวั่นโลกผันผวนไฟป่าปี 54 พุ่ง

กรมอุทยานฯเผยสถิติไฟป่าปี 53 พุ่งกว่า 8 หมื่นไร่ คาดปี 54 โหมหนักขึ้นเหตุอากาศโลกผันผวน

ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุนันต์ อรุณนพรัตน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แถลงถึงสถานการณ์ไฟป่าว่า  เมื่อปี 2553 ที่ผ่านมามีไฟไหม้ป่าเกิดขึ้นทั้งสิ้น 6,784 ครั้ง พื้นที่ป่าอนุรักษ์ถูกไฟไหม้เสียหาย 83,176 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปี 2552 จำนวน 22,091 ไร่ เนื่องจากปรากฏการณ์แอลนิโญ่ อุณหภูมิโดยทั่วไปสูงขึ้น มีความแห้งแล้งยาวนาน จึงเกิดเหตุไฟไหม้ป่ามากกว่าปี 2552 สาเหตุเกิดจากมนุษย์ทั้งสิ้น  

สำหรับการคาดการณ์ไฟไหม้ป่าในปี 2554 นี้คาดว่าหากเกิดไฟไหม้ป่าก็จะมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากอากาศหนาวเย็นต่อเนื่องยาวนาน ประกอบกับมีเชื้อเพลิงสะสมมากกว่าปีที่แล้ว แต่จากความผันผวนของสภาพภูมิอากาศโลก ทำให้การคาดการณ์สภาวะและสถานการณ์ไฟป่าระยะยาวทำได้ยากมาก ทั้งนี้สำหรับสถิติการเกิดไฟป่าในปี 2553 นั้น ภาคกลางและตะวันออกเกิด 575 ครั้ง เนื้อที่ 7,037 ไร่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเกิด 1,577 ครั้ง เนื้อที่   20,589 ไร่   ภาคเหนือเกิด 4,198 ครั้ง เนื้อที่ 32,359 ไร่ และ ภาคใต้เกิด 434 ครั้ง เนื้อที่ 23,191 ไร่       สำหรับปี 2554 ภาคกลางและภาคตะวันออกเริ่มเกิดไฟป่าแล้ว 66 ครั้ง เนื้อที่ 1,340 ไร่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 54 ครั้ง 824 ไร่ ภาคเหนือ 7 ครั้ง เนื้อที่ 179 ไร่   ส่วนภาคใต้ในปี 2554 นี้ ยังไม่เกิดไฟป่า

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554 18:39

วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เหยื่อแม่เมาะโผล่ไม่ซ้ำแบบล่าสุดถึงคิวถูกหลอก - ชี้ กฟผ.เล่นแง่ตกลงช่วยพัฒนาหมู่บ้าน 3 ปีกลับพลิกลิ้น

ลำปาง - เหยื่อแม่เมาะโผล่อีกคราวนี้เป็นคิวกลุ่มชาวบ้านห้วยเป็ด ม.1 หลังทำข้อตกลงให้ กฟผ.ช่วยพัฒนาหมู่บ้าน 16 โครงการมานานกว่า 3 ปี แต่จนถึงขณะนี้กลับไร้ความคืบหน้าใด ๆ ทั้งสิ้น แถมการไฟฟ้าฯปฏิเสธหน้าตาเฉย อ้างต้องเริ่มต้นพิจารณาใหม่ ชาวบ้านลั่นถ้าไม่ปฏิบัติตามขอใช้สิทธิอพยพเช่นกัน พร้อมเตรียมเอกสารยื่น รมต.ประจำสำนักนายกฯวันนี้
รายงานข่าวจากจังหวัดลำปาง แจ้งว่า ขณะนี้การแก้ไขปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง กำลังเกิดปัญหาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง นอกเหนือไปจากการบุกรุกพื้นที่รอบรับผู้อพยพ จนทำให้แผนการอพยพโยกย้ายราชฎรที่ได้รับผลกระทบเกือบ 500 หลังคาเรือน ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร
       กรณีล่าสุด เป็นคิวของกลุ่มชาวบ้านบ้านห้วยเป็ด ม.1 ตำบลแม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ซึ่งมีจำนวนกว่า 300 หลังคาเรือน ที่ไม่มีความประสงค์จะย้ายออกจากพื้นที่ของตนเอง และได้ทำข้อตกลงกับ กฟผ.ไว้เมื่อ 12 ก.ค. 2547 ทาง กฟผ.โดยนายเชิดพงษ์ สิริวิชช์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นผู้เซ็นต์หนังสืออนุมัติโครงการเพื่อเข้าพัฒนาหมู่บ้าน เพราะต้องการให้ชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวได้มีความเป็นอยู่ที่ดีและทัดเทียมกับหมู่บ้านอื่นๆ จำนวน 16 โครงการ คือ
       1.ความต้องการของหมู่บ้าน คือต้องการให้ออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินและที่ทำกิน ผู้เข้าร่วมประชุม ซึ่งประกอบด้วยรองปลัดกระทรวงพลังงาน ผู้ช่วยผู้ว่าการปฏิบัติการเชื้อเพลิงแข็ง กฟผ.วิศกรระดับ 10 ทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยพัมนาศักยภาพชุมชน โครงการพัฒนาพื้นที่และชุมชน กฟผ.แม่เมาะ ช่างระดับ 9 โครงการจัดการที่ดินและอพยพเหมืองแม่เมาะ กฟผ.แม่เมาะ และเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 5 มีมติให้ กฟผ.ส่งพื้นที่บ้านห้วยเป็ดที่อยู่ในเขตที่ กฟผ.ได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์คืนกรมป่าไม้ และให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการออกเอกสาสิทธิ์ให้แก่ราษฎรตามนโยบายแปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุน
       2.หมู่บ้านต้องการที่ทำกิน กฟผ.มีมติจะดำเนินการได้หลังจากที่ดำเนินการตามข้อ 1 แล้ว ปรากฏว่า ชาวบ้านได้รอให้ทาง กฟผ.ทำเรื่องคืนที่ดินดังกล่าวแก่กรมป่าไม้มาจนถึงปี 2549 กฟผ.ก็ยังไม่ดำเนินการใดๆ เมื่อ กฟผ.ไม่สามารถดำเนินการตามข้อ 1 ได้ทำให้โครงการต่างๆอีก 15 โครงการไม่สามารถเดินหน้าได้เช่นกัน
       ดังนั้น นายณัฐพงษ์ อบแก้ว ผู้ใหญ่บ้านห้วยเป็ดหมู่1 จึงมีหนังสือทวงถามเรื่องดังกล่าวไปยัง กฟผ.ถึง 2 ครั้ง ล่าสุดได้รับหนังสือตอบกลับจากนายนภดล ศานติพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายแผนและบริหารเหมืองแม่เมาะ ทำการแทนผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2549 ปฏิเสธการดำเนินการดังกล่าว โดยอ้างว่าตามที่ราษฎรบ้านห้วยเป็ดมีความต้องการจะขอใช้พื้นที่บริเวณดังกล่าว (ปัจจุบันคือบริเวณที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน) ต้องมีการหารือกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ก่อน
       การปฏิเสธดังกล่าวทำให้ชาวบ้านบ้านห้วยเป็ด จำนวนกว่า 300 หลังคาเรือนไม่พอใจ เพราะเหมือนกับถูกหลอก จึงได้นำเรื่องเข้าพบนายอำเภอแม่เมาะ ซึ่งทางอำเภอแม่เมาะ ได้นัดเจรจากันในวันนี้ (8 ก.พ.50) เวลา 10.00 น.
       โดยผู้ใหญ่บ้านห้วยเป็ด ม.1 บอกว่า กลุ่มชาวบ้านที่เหลือไม่เคยเรียกร้องอะไรขอเพียงให้ทาง กฟผ.คืนที่ให้กรมป่าไม้เท่านั้น หลังจากนั้นชาวบ้านจะดำเนินการเอง เพราะพื้นที่ดังกล่าวก็ไม่ใช่ป่าอีกต่อไปเป็นที่อยู่อาศัยทั้งหมด กฟผ.ทำแบบนี้เหมือนกับหลอกชาวบ้าน ถ้าหาก กฟผ.ไม่ดำเนินการให้ ชาวบ้านทั้งหมดก็จะอพยพ และในวันพรุ่งนี้ก็จะนำเรื่องยื่นเสนอต่อ รศ.ดร.ธีภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่จะลงมารับเรื่องที่มหาวิทยาลัยโยนกลำปางด้วยในวันเดียวกันนี้ด้วย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
8 กุมภาพันธ์ 2550 13:39 น.

จี้รัฐเร่งสร้างศูนย์กำจัดขยะ 300 ล้าน หลังชะงักร่วม 2 ปี

พะเยา – อบต.แม่กา จี้ รัฐเร่งเดินหน้าสร้างศูนย์กำจัดขยะมูลค่า 300 ล้านบาท หลังชะงักนานร่วม 2 ปี ขณะที่งบปี 50 ติดขัดส่งผลอาหารกลางวัน นมโรงเรียนและกลุ่มอาชีพได้รับผลกระทบถ้วนหน้า
นายสะอาด ไชยกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แม่กา อ.เมือง จ.พะเยา เปิดเผยว่า ตามที่จังหวัดได้มีโครงการสำรวจและออกแบบเพื่อดำเนินการก่อสร้างศูนย์กำจัดขยะครบวงจรโซนหน้าเขา ซึ่งทางสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัด (ทสจ.) พะเยา ได้มีแผนจะใช้พื้นที่ป่าเสื่อมโทรมในพื้นที่ ต.แม่กา บางพื้นที่เป็นสถานที่รองรับและจัดการขยะจากพื้นที่อำเภอเมือง แม่ใจ ดอกคำใต้ กิ่ง อ.ภูกาวยาว ซึ่งจะใช้งบประมาณ 200-300 ล้านบาทนั้น
       อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้เป็นเวลาล่วงกว่า 2 ปี โครงการยังไม่มีความคืบหน้า นอกจากนี้ งบประมาณอุดหนุนปกติ ปี 2550 ยังไม่ได้ทำให้เดือดร้อนถึงเด็กนักเรียนที่จะต้องได้รับการดูแลเรื่องอาหารกลางวัน นมโรงเรียน อีกทั้งกลุ่มอาชีพจะต้องได้รับการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง เกิดความชะงักงันไปทั้งวงจร
       ดังนั้น รัฐบาลจะต้องตระหนักในเรื่องผลกระทบของการบริหารจัดการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้หนักและเร่งดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการเลือกตั้งเกิดรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารโดยเร็วที่สุด เพราะการพัฒนาท้องถิ่นต้องเดินหน้าต่อไป
“เมื่องบประมาณไม่ปรากฏช่องทาง ว่า จะได้รับการจัดสรรให้มาดำเนินการได้ เป็นปัญหาทำให้ อบต.แม่กา จะต้องดิ้นรนหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องการจัดการขยะด้วยตนเอง เพราะคงจะรอศูนย์กำจัดขยะครบวงจรต่อไปไม่ได้แล้ว” นายสะอาด กล่าว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
8 กุมภาพันธ์ 2550 13:38 น.

เตือน "แพลงก์ตอน" พิษเปลี่ยนทะเลเป็นสีแดง

เมื่อวันที่ 5 มกราคม   นายถวัลย์  ชูขจร ผู้อำนวยการสิ่งแวดล้อมประมง   กรมประมง   กระทรวงเกษตรและสหกรณ์   เปิดเผยว่า   ได้เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติที่กิดจากแพงค์ตอนพืชเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วจนเป็นเหตุให้น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีแดง   เวลานี้เกิดที่ชายฝั่งทะเล   จ.สมุทรปรากร   เป็นระยะทางยาวไม่ต่ำกว่า  5   กิโลเมตร   จุดที่เกิดเหตุได้แก่  อ.พระสมุทร์เจดีย์   อ.พระประแดง  จ.สมุทรปราการ   และปากอ่าวแม่น้ำเจ้าพระยา   ขณะนี้ได้รายงานปรากฏการณ์ด้งกล่าวให้อธิบดีกรมประมงทราบแล้ว   และได้ส่งเจ้าหน้าที่กรมประมงไปเฝ้าระวังและเก็บตัวอย่างมาวิเคราะห์ต่อไป

    นายถวัลย์กล่าวว่า   สาเหตุปรากฏการณ์นี้เกิดจากการเจริญเติบโตของแพลงค์ตอนเซอราเทียม   (Ceratium spp.)  และน็อกติลูก้า (Noctiluca spp.) ที่ได้รับสารอาหาร  เช่น   ไนโตรเจน  ฟอสฟอรัส   และน้ำเสียอื่นๆ   จากโรงงานอุตสาหกรรม   ประกอบกับขณะนี้มีลมตะวันออกเฉียงเใต้พัดแพลงก์ตอนมารวมกนในบริเวณดังกล่าว   ทำให้แพลงก์ตอนมีมากขึ้นและเติบโตอย่างรวดเร็ว   คาดว่าจะปรากฏอยู่เช่นนี้เป็นเวลาประมาณ   1  เดือน

    นายปรีชา  พาชื่นใจ   นักวิชาการประมง   กล่าวว่าได้รับแจ้งจากชาวบ้าน   อ.พระสมุทรเจดีย์  จ.สมุทรปราการ   เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา   ว่าน้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีแดงผิดปกติกว่าทุกปี   เนื่องจากทุกๆปีเวลาน้ำทะเลเปลี่ยนมักเป็นสีน้ำตาลแดง   แต่ครั้งนี้เป็นสีแดงน่ากลัว   จึงายงานผู้บังคับบัญชาทราบ   แล้วเดินทางไปเก็บตัวอย่าง   พบว่ามีแพลงก์ตอนเซอราเทียมในน้ำทะเล   1  ลิตร   พบแพลงก์ตอนเซอราเทียมในทะเล ดังกล่าว  90,375  ตัว   ซึ่งในบริเวณดังกล่าวไม่ควรจะเกิน   1,000  ตัวต่อน้ำ  1  ลิตร   นอกจากนี้ปลาตัวเล็กเริ่มตายแล้ว   ถ้าแพลงก์ตอนนี้ทวีจำนวนมากขึ้นก็จะมีผลกระทบทำให้ปลาที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ตามชายฝั่งตายได้    และประชาชนที่ลงไปเล่นน้ำก็จะเป้นผื่นคันตามตัว   สาเหตุที่ทำให้แพลงก์ตอนเจริญเติบโตเร็วนั้นมาจากน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม   และปุ๋ยเคมีที่เกษตรกรใช้บำรุงพืชในสวน

กรมอุตุนิยมวิทยา

สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเท ศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นและมีหมอ กหนาในหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเว ณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และ อ่าวไทย มีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง ส่วนอ่าวไทย ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ในระยะนี้

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า กับมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 6-10 ก.พ. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเท ศไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอก ในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ แต่บริเวณตอนบนของประเทศไทยยังคงมีอากาศหนาวเย็นในตอ นเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และ อ่าวไทย จะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 11-12 ก.พ. จะมีบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นระลอกใหม่จ ากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของปร ะเทศไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนเกิดขึ้นได้ในระยะนี้

ข้อควรระวัง

ในระยะนี้ ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเว ณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย

วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

หลุมยักษ์ขนาดมหึมาโผล่กลางกรุงกัวเตมาลาซิตี้ของประเทศกัวเตมาลา อ่านต่อ : http://www.dek-d.com

อินโดนีเซียเตรียมใช้มาตรฐานสิ่งแวดล้อมของประเทศกับผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554  17:45:38 น.

อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่สุดของโลก จะใช้มาตรฐานทางด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศสำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม เพื่อเป็นการโต้ตอบยุโรปที่กล่าวหาว่าการผลิตปาล์มในอินโดนีเซียเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม

ข้อกล่าวหาของยุโรปทำให้น้ำมันปาล์มจากอินโดนีเซียถูกกีดกันออกจากรายชื่อวัตถุดิบที่ใช้ผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพในยุโรป ทั้งที่ยุโรปเป็นจุดหมายปลายทางการส่งออกน้ำมันปาล์มรายใหญ่ของอินโดนีเซีย

วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ชิคาโก้เผชิญพายุหิมะรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 40 ปี

2 ก.พ. 54 ชิคาโก้เผชิญพายุหิมะรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 40 ปี
ที่มา : www.krobkruakao.com

พื้นที่ตอนกลางของสหรัฐอเมริกา ต้องเผชิญกับพายุฤดูหนาวพัดถล่มอย่างหนัก โดยเฉพาะที่ชิคาโก้ เผชิญกับพายุหิมะครั้งรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 40 ปี
พายุฤดูหนาวที่เกิดขึ้นกินพื้นที่ตั้งแต่รัฐนิวเม็กซิโกไปจนถึงรัฐเมน รายงานระบุว่า ประชาชนในสหรัฐฯ มากถึง 100 ล้านคน ได้รับผลกระทบทั้งหิมะ ลมแรง และฝนน้ำแข็ง ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศเตือนว่า สภาพที่เลวร้ายที่สุดยังไม่มาถึง และว่าอากาศจะหนาวเย็นลงอีก
ที่นครชิคาโก รัฐอิลลินอยล์ เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เผชิญกับพายุหิมะครั้งรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 40 ปี คาดว่า ปริมาณหิมะที่ตกวัดได้ถึง 60 เซนติเมตร ทางการเตือนว่าจะเกิดพายุหิมะไปจนถึงบ่ายวันนี้
พายุหิมะที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตอนกลางทำให้การเดินทางในประเทศต้องปั่นป่วน โดยเฉพาะผู้ที่จะเดินทางมาชมการแข่งขัน Super Bowl ที่รัฐเท็กซัส เมื่อวานนี้ มีรายงานว่าต้องยกเลิกเที่ยวบินราว 6,000 เที่ยวในหลายรัฐ คาดว่าในวันนี้จะต้องยกเลิกเที่ยวบินเพิ่มอีก ทางการประกาศเตือนภัยใน 19 รัฐแล้ว ขณะที่รัฐมิสซูรี อิลลินอยส์ โอคลาโฮมา แคนซัส และอาร์คันซอ ประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีรายงานว่า บ้านเรือนประชาชนเกือบ 2.7 หมื่นหลังที่รัฐเท็กซัส และ 1.4 หมื่นหลังที่รัฐโอไฮโอ กระแสไฟฟ้าถูกตัดขาด
ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ผู้นำสหรัฐฯได้มีคำสั่งให้สำนักงานจัดการภาวะฉุกเฉินเตรียมพร้อมช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยทันที


alt

น้ำมันก๊าดรั่วลงคลองที่มาบตาพุด

2 ก.พ. 54 น้ำมันก๊าดรั่วลงคลองที่มาบตาพุด
ที่มา : www.krobkruakao.com
พบคราบน้ำมันมีลักษณะเป็นแผ่นฟิล์มบาง ๆ ได้ปรากฏขึ้นในบริเวณคลองชากหมาก นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง รั่วไหลออกจากท่อระบายน้ำของโรงกลั่นน้ำมัน ปตท.อะโรเมติกส์ และการกลั่น (มหาชน) ซึ่งตั้งอยู่ติดกับคลองดังกล่าว

            หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ของโรงกลั่นได้ทำการปิดประตูระบายน้ำ และใช้บูมพร้อมกระดาษซับคราบน้ำมันเป็นระยะ ๆ ตลอดลำคลอง รวมทั้งการใช้น้ำฉีดเพื่อให้น้ำมันแตกตัว ซึ่งเบื้องต้นสามารถหยุดการแพร่ขยายของคราบน้ำมันได้ระดับหนึ่ง พร้อมกันนี้ยังได้ใช้รถดูดคราบน้ำมันออกจากลำคลองด้วย



alt

โครงสร้างใหม่ภาษีรถยนต์ใกล้คลอด

โครงสร้างใหม่ภาษีรถยนต์ใกล้คลอด   ปรับตามขนานดกระบอกสูบ   สรรพสามิตยันรัฐไม่เสียรายได้

     นายพงศ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิตเปิดเผยว่า จะเสนอโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ให้นายมั่น พัธโนทัย รมช.คลัง ที่กำกับดูแลกรมสรรพสามิตพิจารณาภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งโครงสร้างภาษีใหม่จะเป็นธรรมกับผู้ประกอบการ ทั้งช่วยสนับสนุนการผลิตรถยนต์ที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงไม่ทำให้รัฐสูญเสียรายได้

หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ 2554 06:53:58 น.

"กรมควบคุมมลพิษ" ชี้อากาศกลางกรุงคาบเส้นวิกฤติ

"กรมควบคุมมลพิษ" ชี้อากาศกลางกรุงคาบเส้นวิกฤติ

.: 
เนชั่น
 นายวิจารย์ สิมาฉายา รองอธิบดรกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า จากสถิติการตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ปี 2540-2553 พบว่า มีมลภาวะเกินค่ามาตรฐานที่กำหนด ได้แก่ ฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน ซึ่งกำหนดค่ามาตรฐานต้องไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยวัดได้ถึง 55.3 ไมโครกรัม หรือเกินค่ามาตรฐานประมาณ 4%
        ขณะที่ผลการตรวจวัดโอโซนพบว่าเกินค่ามาตรฐานประมาณ 0.2% นอกจากนี้ยังตรวจพบสารอินทรีระเหยง่ายซึ่งเกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง 3.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรต่อปี จากค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ไม่เกิน 1.7 ไมโครกรัม ขณะเดียวกันการตรวจวัดมลพิษทางเสียงก็พบว่ามีค่าเกินมาตรฐานเช่นกัน
        “พื้นที่ที่มีปัญหามลพิษทางอากาศส่วนใหญ่ตรวจพบได้บริเวณใจกลางเมือง เช่น แยกดินแดง แยกโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ แยกลาดพร้าว และแยกโชคชัย 4 เนื่องจากมีการจราจรหนาแน่น แม้ปริมาณมลพิษที่วัดได้จะเกินมาตรฐานไม่มาก แต่หากไม่มีแผนการจัดการที่ดี ในอนาคตก็มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นได้” นายวิจารย์ กล่าว
        รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า กรมควบคุมมลพิษได้ระดมความคิดเห็นร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปจัดทำแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและเสียงในพื้นที่ กทม. ปี 2555-2559 ซึ่งถือเป็นแผนการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมระยะยาวที่จะปรากฏเป็นรูปธรรมครั้งแรกของประเทศ
        นายวิจารย์ กล่าวว่า หลังจากรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากหน่วยงานต่างๆ แล้ว กรมควบคุมมลพิษจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติที่มีปลัด ทส. เป็นประธาน จากนั้นจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบในการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลต่อไป
        “หากไม่เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้อาจมีแนวโน้มว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมจะเสื่อมโทรมมากขึ้นและกระทบต่อปัญหาสุขภาพ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมจากทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อน” นายวิจารย์ กล่าว
เขียนโดย webmaster เมื่อ 2 กุมภาพันธ์, 2011 - 00:16.

ครม.ให้ทำปฎิญญาระดับ"รมต."ในการประชุมUNFF9

ครม.ให้ทำปฎิญญาระดับ"รมต."ในการประชุมUNFF9

.: 
เนชั่น
 นพ.มารุต มัสยวานิช รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติครม.ว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการต่อประเด็นเตรียมการสำหรับประกอบการพิจารณาจัดทำปฏิญญาระดับรัฐมนตรีในการประชุม UNFF9 ซึ่งเสนอโดยสำนักงาน UNFF9 (Building Blocks for the UNFF9 Ministerial Declaration Proposed by the UNFF9 Bureau) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาให้การรับรองปฏิญญาระดับรัฐมนตรี (Ministerial Declaration) ดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก
       ซึ่งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินการจัดทำคู่ฉบับแปล (ภาษาไทย) ของประเด็นเตรียมการสำหรับประกอบการพิจารณาจัดทำร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีในการประชุม UNFF9 ซึ่งเสนอโดยสำนักงาน UNFF9 (Building Blocks for the UNFF9 Ministerial Declaration Proposed by the UNFF9 Bureau) ซึ่งประกอบด้วย 8 ประเด็น สรุปสาระสำคัญของแต่ละประเด็นได้ดังนี้
       1. คุณค่าอเนกประโยชน์ของป่าไม้/ป่าไม้เพื่อประชาชน มีเนื้อหาเกี่ยวกับบทบาทของป่าไม้ที่มีศักยภาพในการยังประโยชน์ให้แก่สังคมโลก บรรเทาปัญหาผลกระทบด้านต่าง ๆ โดยการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนจะนำมาซึ่งผลผลิต และบริการที่จำเป็นในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาที่ยั่งยืน
       2. เครื่องมือที่ไม่ผูกพันทางกฎหมายสำหรับป่าไม้ทุกประเภทและวัตถุประสงค์ของโลกด้านป่าไม้ มีเนื้อหาเกี่ยวกับเครื่องมือที่ไม่ผูกพันทางกฎหมายสำหรับป่าไม้ทุกประเภทและวัตถุประสงค์ของโลกด้านป่าไม้ หมายถึงข้อตกลงในระดับนานาชาติที่ครอบคลุมมุมมองด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ ซึ่งเป็นบทบาทที่สำคัญภายใต้การสนับสนุนของภาคีป่าไม้แห่งสหประชาชาติ (UNFF) ที่จะนำไปสู่ “ การจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน ”
       3. MOI. ธรรมรัฐ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการสนับสนุนประชาชนท้องถิ่น ชนพื้นเมือง และสตรี เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจ การแบ่งปันผลประโยชน์ และการอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีและคุณค่าทางสังคม โดยผ่านกระบวนการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน รวมถึงการสนับสนุนด้านการเงินให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาหรือประเทศอื่น ๆ
       4. การเงิน มีเนื้อหาเกี่ยวกับการให้การสนับสนุนด้านการเงินสำหรับการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน ซึ่งในขณะนี้ ยังมีไม่เพียงพอ จึงนับเป็นอุปสรรคที่สำคัญยิ่งสำหรับการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในหมู่ประเทศกำลังพัฒนา
       5. ปีป่าไม้สากล มีเนื้อหาเกี่ยวกับความสำคัญของปีป่าไม้สากลซึ่งถือเป็นโอกาสพิเศษ สำหรับการนำภาคป่าไม้มามีส่วนใกล้ชิดกับภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคม ตลอดจนกระตุ้นเตือนให้เห็นถึงความสำคัญต่อบทบาทของป่าไม้ในการยังประโยชน์ด้านต่าง ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของสังคมได้เป็นอย่างดี
       6. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change) และการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำลายป่าและการเสื่อมโทรมของป่าในประเทศกำลังพัฒนา (REDD+) มีเนื้อหาเกี่ยวกับบทบาทของภาคป่าไม้ซึ่งมีส่วนสำคัญในการบรรเทาและเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในประเด็นด้านความสามารถในการปรับตัว รวมถึงคุณค่าของภาคป่าไม้ในการเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนที่สำคัญ ทั้งนี้ การสนับสนุนด้านการเงินต่อกลไก REDD+ เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อโอกาสในการได้รับการสนับสนุนทางการเงินของภาคป่าไม้
       7. การประชุม Rio+20 มีเนื้อหาเกี่ยวกับการให้ความสำคัญต่อคุณค่าที่หลากหลายของภาคการป่าไม้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และควรได้มีการนำไปปรับใช้ในประเทศต่าง ๆ ภายใต้มิติที่แตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ความจำเป็นเร่งด่วน และขีดความสามารถของแต่ละประเทศ เน้นมาตรการด้านคุณค่าเพิ่ม (Added - value) โดยเฉพาะด้านเครื่องมือที่ไม่ผูกพันทางกฎหมายสำหรับป่าไม้ทุกประเภท และวัตถุประสงค์ของโลกด้านป่าไม้
       8. พันธกรณี มีเนื้อหาเกี่ยวกับพันธกรณีของรัฐภาคีซึ่งกำหนดไว้ตามปฏิญญาระดับรัฐมนตรี (Ministerial Declaration) ดังกล่าว